หมอออนไลน์: ตับ ม้าม หรือไตฉีกขาดคำว่า "ตับ ม้าม หรือไตฉีกขาด" หมายถึงภาวะที่อวัยวะภายในช่องท้องเหล่านี้ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง จนเกิดการฉีกขาดของเนื้อเยื่อ ทำให้มีเลือดออกภายในช่องท้อง ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่อันตรายถึงชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
อวัยวะเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำงานของร่างกาย:
ตับ (Liver): เป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในช่องท้อง ทำหน้าที่หลายอย่าง เช่น กำจัดสารพิษ สร้างน้ำดี สร้างโปรตีนที่จำเป็นต่อร่างกาย และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ม้าม (Spleen): เป็นอวัยวะในระบบภูมิคุ้มกันที่อยู่ใต้ซี่โครงซ้าย ทำหน้าที่กรองเลือด กำจัดเซลล์เม็ดเลือดแดงที่หมดอายุ และสร้างภูมิคุ้มกัน
ไต (Kidneys): มี 2 ข้าง อยู่บริเวณบั้นเอว ทำหน้าที่กรองของเสียออกจากเลือด สร้างปัสสาวะ ควบคุมสมดุลน้ำและเกลือแร่ และผลิตฮอร์โมนบางชนิด
สาเหตุหลักของการฉีกขาด
การฉีกขาดของตับ ม้าม หรือไตมักเกิดจาก การบาดเจ็บรุนแรงที่ช่องท้อง (Abdominal Trauma) ซึ่งอาจเป็น:
การบาดเจ็บแบบทื่อ (Blunt Trauma): เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด เช่น
อุบัติเหตุทางรถยนต์ (ถูกกระแทกที่หน้าท้อง หรือการกระแทกกับพวงมาลัย/เข็มขัดนิรภัย)
การหกล้มจากที่สูง
การถูกชก ต่อย หรือเตะที่หน้าท้องอย่างรุนแรง
อุบัติเหตุจากการเล่นกีฬา
การบาดเจ็บแบบทะลุ (Penetrating Trauma): เช่น
ถูกแทงด้วยมีด
ถูกยิง
อาการที่อาจพบ
อาการจะแตกต่างกันไปตามอวัยวะที่บาดเจ็บและปริมาณเลือดที่ออก แต่โดยทั่วไปมักมีอาการที่บ่งชี้ถึงภาวะเลือดออกภายในช่องท้องและภาวะช็อก:
อาการปวด: ปวดท้องอย่างรุนแรงในบริเวณที่อวัยวะบาดเจ็บ (เช่น ปวดท้องส่วนบนด้านขวาหากตับฉีกขาด, ปวดท้องส่วนบนด้านซ้ายหากม้ามฉีกขาด, ปวดหลังหรือข้างลำตัวหากไตฉีกขาด) อาการปวดอาจร้าวไปที่ไหล่ (โดยเฉพาะไหล่ซ้ายหากม้ามฉีกขาด)
กดเจ็บ: กดแล้วรู้สึกเจ็บบริเวณช่องท้อง
ท้องแข็งตึง: หรือท้องโป่งพองผิดปกติ (เนื่องจากมีเลือดออกในช่องท้อง)
อาการของภาวะเสียเลือด/ภาวะช็อก:
หน้าซีด ตัวเย็น เหงื่อออกมาก
หัวใจเต้นเร็ว
ความดันโลหิตต่ำ
หายใจเร็ว ตื้น
อ่อนเพลียมาก มึนงง วิงเวียนศีรษะ
กระหายน้ำรุนแรง
ปัสสาวะออกน้อยลง หรือไม่มีปัสสาวะ
ในกรณีไตฉีกขาดรุนแรง อาจพบ ปัสสาวะเป็นเลือด (Hematuria)
คลื่นไส้ อาเจียน
การวินิจฉัย
เมื่อผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาล แพทย์จะทำการวินิจฉัยอย่างรวดเร็วเพื่อประเมินความรุนแรงและตำแหน่งของการบาดเจ็บ:
การตรวจร่างกาย: ตรวจดูบาดแผล ประเมินอาการปวด และภาวะของช่องท้อง
การตรวจเลือด: เพื่อดูค่าความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC) โดยเฉพาะระดับฮีโมโกลบินและฮีมาโตคริต (บ่งชี้การเสียเลือด), การทำงานของตับ/ไต, และการแข็งตัวของเลือด
การตรวจภาพวินิจฉัย:
อัลตราซาวด์ช่องท้อง (FAST Scan): เป็นการตรวจที่รวดเร็ว เพื่อหาการมีเลือดหรือของเหลวในช่องท้อง
เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) ช่องท้อง: เป็นการตรวจที่ละเอียดที่สุด เพื่อระบุตำแหน่งและความรุนแรงของการฉีกขาด ปริมาณเลือดที่ออก และความเสียหายของอวัยวะอื่นๆ
เอกซเรย์ช่องท้อง/ทรวงอก: อาจทำเพื่อดูการบาดเจ็บอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้น
การเจาะท้องล้าง (Diagnostic Peritoneal Lavage - DPL): ในกรณีฉุกเฉินที่ไม่มี CT scan อาจทำเพื่อดูว่ามีเลือดออกในช่องท้องหรือไม่
การรักษา
เป้าหมายหลักของการรักษาคือการหยุดเลือด รักษาภาวะช็อก และแก้ไขความเสียหายของอวัยวะ การรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการบาดเจ็บ:
การให้สารน้ำและเลือด: ผู้ป่วยมักได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำอย่างรวดเร็ว และอาจให้เลือดทดแทนเพื่อรักษาภาวะช็อก
การสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด (Conservative Management):
ในกรณีที่การฉีกขาดไม่รุนแรงมาก และเลือดหยุดได้เอง หรือมีการเสียเลือดไม่มาก แพทย์อาจเลือกที่จะสังเกตอาการผู้ป่วยในห้อง ICU อย่างใกล้ชิด โดยมีการตรวจเลือดและ CT scan ซ้ำเป็นระยะ เพื่อดูว่ามีเลือดออกเพิ่มหรือไม่ วิธีนี้มักใช้ได้ดีกับตับและม้ามที่ฉีกขาดไม่มากนัก
การรักษาด้วยหัตถการสอดสายสวน (Angioembolization):
เป็นวิธีที่ใช้รังสีร่วมรักษา โดยแพทย์จะสอดสายสวนเข้าไปในหลอดเลือดแดงที่เลี้ยงอวัยวะที่บาดเจ็บ และฉีดสารที่ทำให้ลิ่มเลือดอุดตันบริเวณที่มีเลือดออก เพื่อหยุดเลือด วิธีนี้มักใช้ในกรณีที่เลือดออกยังไม่มาก แต่ไม่หยุดเอง และสามารถทำได้โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่
การผ่าตัด (Surgery):
เป็นวิธีที่จำเป็นในกรณีที่มีเลือดออกมาก ไม่สามารถควบคุมเลือดได้ด้วยวิธีอื่น หรืออวัยวะฉีกขาดรุนแรง
การผ่าตัดตับ (Liver Repair/Resection): เย็บซ่อมแซมส่วนที่ฉีกขาด หรือตัดส่วนที่เสียหายรุนแรงออก
การผ่าตัดม้าม (Splenectomy/Splenic Repair): ในอดีตมักจะตัดม้ามออกทั้งหมด (Splenectomy) แต่ปัจจุบันแพทย์พยายามที่จะซ่อมแซมม้าม (Splenic Repair) หรือตัดออกเพียงบางส่วน เพื่อรักษาส่วนที่เหลือไว้ เนื่องจากม้ามมีบทบาทสำคัญในระบบภูมิคุ้มกัน
การผ่าตัดไต (Kidney Repair/Nephrectomy): เย็บซ่อมแซมไต หรือในกรณีที่เสียหายรุนแรงมากและไม่สามารถรักษาได้ อาจจำเป็นต้องตัดไตข้างนั้นออก (Nephrectomy)
ภาวะแทรกซ้อน
หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ภาวะฉีกขาดของอวัยวะเหล่านี้สามารถนำไปสู่:
ภาวะช็อกจากการเสียเลือด (Hemorrhagic Shock): เป็นอันตรายถึงชีวิต
การติดเชื้อ: เช่น การติดเชื้อในช่องท้อง (Peritonitis) หรือฝีในช่องท้อง
อวัยวะล้มเหลว: หากอวัยวะสำคัญเสียหายรุนแรง
ภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด: เช่น เลือดออกซ้ำ การติดเชื้อ
การบาดเจ็บของอวัยวะภายในช่องท้อง ไม่ว่าจะเป็นตับ ม้าม หรือไตฉีกขาด ล้วนเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการดูแลจากทีมแพทย์อย่างเร่งด่วนที่สุด หากคุณหรือคนใกล้ชิดประสบอุบัติเหตุรุนแรงที่ช่องท้อง และมีอาการผิดปกติ ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลทันทีค่ะ