แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 49
1
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
"NEWTECH INSULATION" ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
"เพราะเรา...เข้าใจเรื่องเสียง"

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


2
ตรวจอาการเนื้องอกสมอง (Brain tumor)

เนื้องอกสมอง หมายถึง เนื้องอกที่เกิดขึ้นภายในกะโหลกศีรษะ ซึ่งสามารถเกิดจากเซลล์ได้ทุกชนิดที่มีอยู่ในเนื้อเยื่อทุกส่วนของกะโหลกศีรษะ เนื้องอกสมองจึงมีอยู่ร่วมร้อยชนิด ซึ่งมีชื่อเรียกตามชนิดของเซลล์

เนื้องอกสมองมีทั้งชนิดไม่ร้ายหรือเนื้องอกธรรมดา กับเนื้องอกชนิดร้ายหรือมะเร็ง และยังแบ่งเป็นชนิดปฐมภูมิ ซึ่งเกิดจากเซลล์หรือเนื้อเยื่อภายในกะโหลกศีรษะเอง (มีทั้งเนื้องอกธรรมดา และมะเร็ง) กับชนิดทุติยภูมิ ซึ่งเป็นมะเร็งที่แพร่กระจายมาจากนอกกะโหลกศีรษะ*

โรคนี้พบได้ในคนทุกวัย ตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงผู้สูงอายุ กล่าวโดยรวมแล้ว โรคนี้พบได้บ่อยในกลุ่มอายุ 40-70 ปี ยิ่งอายุมากก็ยิ่งพบได้มาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเนื้องอกชนิดทุติยภูมิมากกว่าชนิดปฐมภูมิ

ส่วนในเด็กพบมากในกลุ่มอายุ 3-12 ปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเนื้องอกชนิดปฐมภูมิ และมักเป็นเนื้องอกธรรมดามากกว่ามะเร็ง เนื้องอกสมองที่พบในเด็กเป็นเนื้องอกที่พบได้มากที่สุดในบรรดาเนื้องอกที่พบในเด็ก

โรคนี้มักมีอาการปวดศีรษะเป็นสำคัญ พบว่าผู้ที่มีอาการปวดศีรษะ 100,000 คน มีสาเหตุจากเนื้องอกสมองประมาณ 10 คน

นอกจากปวดศีรษะแล้ว เนื้องอกสมองยังมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วยซึ่งมีได้หลากหลาย ตั้งแต่การรับรู้ การทำงานของร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และพฤติกรรม เนื่องมาจากเนื้องอกกดเบียดหรือทำลายเนื้อเยื่อสมอง เส้นประสาทสมอง และต่อมฮอร์โมนในสมองมีการหลั่งฮอร์โมนมากเกินหรือน้อยเกิน ทั้งนี้ ขึ้นกับขนาด ชนิด และตำแหน่งของเนื้องอก

*เนื้องอกสมอง แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่

1. ชนิดปฐมภูมิ หมายถึง เนื้องอกที่มีต้นกำเนิดจากเซลล์หรือเนื้อเยื่อที่อยู่ภายในกะโหลกศีรษะ (เช่น กะโหลกศีรษะ เยื่อหุ้มสมอง เซลล์สมอง เส้นประสาทสมอง ต่อมใต้สมอง ต่อมไพเนียล หลอดเลือด เป็นต้น) มีชื่อเรียกตามชนิดของเซลล์  ซึ่งยังแบ่งเป็นชนิดไม่ร้าย หรือเนื้องอกธรรมดา (benign tumor เช่น meningioma, pituitary tumor, acoustic neuroma, craniopharyngioma) กับชนิดร้ายหรือมะเร็ง (malignant tumor/cancer เช่น  glioma ซึ่งมีหลายชนิดย่อย, medulloblastoma, pineoblastoma) เนื้องอกสมองที่พบในเด็กมักเป็นชนิดปฐมภูมิ และเป็นเนื้องอกชนิดไม่ร้ายมากกว่าชนิดร้าย

2. ชนิดทุติยภูมิ หมายถึง มะเร็งที่แพร่กระจายมาจากนอกกะโหลกศีรษะ ที่พบบ่อยได้แก่ มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งไต มะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา เนื้องอกสมองชนิดทุติยภูมิพบบ่อยในวัยกลางคนขึ้นไป บางครั้งผู้ป่วยอาจมาพบแพทย์ด้วยอาการของเนื้องอกสมองมากกว่าอาการของมะเร็งที่เป็นต้นกำเนิด

สาเหตุ

เนื้องอกสมองชนิดปฐมภูมิ ยังไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดจากอะไร พบว่าอาจมีปัจจัยเสี่ยง ได้แก่

    ปัจจัยทางกรรมพันธุ์ พบว่ามีเนื้องอกสมองหลายชนิด ซึ่งผู้ป่วยจะมีประวัติว่ามีพ่อแม่หรือพี่น้องเป็นเนื้องอกสมองเช่นเดียวกันด้วย
    รังสี พบว่าเด็กที่รับรังสีจากการใช้รังสีในการตรวจวินิจฉัย หรือรังสีบำบัดที่บริเวณศีรษะ มีโอกาสเป็นเนื้องอกสมองเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่
    ความอ้วน พบว่าผู้ที่เป็นโรคอ้วนมีความเสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอกเยื่อหุ้มสมอง (meningioma) มากกว่าปกติ

ส่วนเนื้องอกสมองชนิดทุติยภูมิ เกิดจากการแพร่กระจายของมะเร็งของอวัยวะที่อยู่นอกกะโหลก

อาการ

ในรายที่เนื้องอกมีขนาดเล็ก จะไม่มีอาการผิดปกติแต่อย่างใด ซึ่งอาจตรวจพบโดยบังเอิญจากการไปพบแพทย์ด้วยเรื่องอื่น

ในรายที่มีอาการ มักมีอาการปวดศีรษะเป็นสำคัญ โดยมีลักษณะเฉพาะคือ ในระยะแรกเริ่ม จะมีอาการปวดศีรษะเวลาตื่นนอนตอนเช้า พอสาย ๆ ค่อยยังชั่ว หรืออาจปวดมากเวลาล้มตัวลงนอน หรือเวลาไอ จาม หรือเบ่งอุจจาระ

อาการปวดศีรษะจะเป็นในแบบเดิมอยู่ทุกวัน ซึ่งจะค่อย ๆ รุนแรงขึ้นและนานขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้ผู้ป่วยต้องสะดุ้งตื่นตอนกลางดึกหรือตอนเช้ามืด หรือมีอาการปวดศีรษะตลอดเวลา และอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนหรือกล้ามเนื้อชักกระตุก (มีลักษณะการชักทั้งตัว หรือเฉพาะที่แขนหรือขา หรือใบหน้ากระตุก) ร่วมด้วย 

ระยะต่อมา (เมื่อก้อนเนื้องอกโตขึ้น) จะมีอาการอาเจียนร่วมกับอาการปวดศีรษะ ซึ่งอาจมีลักษณะอาเจียนพุ่งรุนแรง

นอกจากนี้ยังอาจจะมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วยก็ได้ ซึ่งเป็นอาการที่เกิดจากเนื้องอกไปกดเบียดถูกเนื้อเยื่อประสาทที่บริเวณใกล้เคียง ทำให้มีอาการต่าง ๆ ซึ่งขึ้นกับตำแหน่งของเนื้องอก อาทิ มีอาการตามัวลงเรื่อย ๆ เห็นภาพซ้อน ลานสายตาแคบ (มองไม่เห็นด้านข้าง ทำให้เดินหรือขับรถชนถูกวัตถุที่อยู่ด้านข้าง) หรือตามืดบอดอย่างฉับพลัน ตาเหล่ ตากระตุก หูอื้อหรือมีเสียงในหู หูตึงหรือได้ยินไม่ชัด บ้านหมุน เดินเซ สูญเสียการทรงตัว มือเท้าทำงานไม่ถนัด แขนขาชาหรืออ่อนแรง พูดอ้อแอ้ มีความยากลำบากในการพูดและการอ่าน มีอาการอ่อนเพลียมาก น้ำหนักลดหรือน้ำหนักเพิ่มขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ความคิดสับสน ขาดสมาธิ ความจำเสื่อม บุคลิกภาพหรือพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากเดิม มีภาวะวิตกกังวลหรือซึมเศร้า

ในรายที่เป็นเนื้องอกต่อมใต้สมอง (pituitary tumor) ซึ่งเป็นเนื้องอกชนิดไม่ร้าย นอกจากจะมีอาการดังกล่าวแล้ว ยังอาจมีภาวะผิดปกติที่เกิดจากต่อมใต้สมองหลั่งฮอร์โมนมากเกิน เช่น โรคคุชชิง (cushing’s syndrome/hypercortisolism) เบาจืด (diabetes insipidus/DI) รูปร่างสูงใหญ่ผิดปกติ (giantism หรือ acromegaly) หรือภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน (hyperthyroidism) ถ้าพบในผู้หญิงอาจทำให้มีน้ำนมออกผิดธรรมชาติ (ไม่ได้เกิดในช่วงมีบุตร) ประจำเดือนไม่มา หรือมาไม่สม่ำเสมอ ในผู้ชายอาจมีอาการนมโต องคชาตไม่แข็งตัว หรือเป็นหมัน         

แต่ถ้าเนื้องอกต่อมใต้สมองมีขนาดใหญ่ ทำให้ต่อมนี้หลั่งฮอร์โมนน้อยเกิน อาจทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน รู้สึกขี้หนาว อ่อนเพลีย ประจำเดือนมาห่างหรือไม่มา เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ น้ำหนักลดหรือเพิ่มขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ

ภาวะแทรกซ้อน

หากปล่อยไว้นาน ๆ ได้รับการรักษาช้าไป อาจทำให้ตาบอด หูหนวกอย่างถาวร เด็กที่เป็นเนื้องอกสมองชนิด craniopharyngioma ก็อาจมีการเจริญเติบโตช้า ตัวเล็กกว่าปกติ

นอกจากนี้ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง อาทิ

    มีเลือดออกเฉียบพลันในก้อนเนื้องอกสมอง ทำให้เกิดอาการแบบเดียวกับหลอดเลือดสมองแตก (ดู "โรคหลอดเลือดสมอง")
    เนื้องอกที่อยู่ใกล้โพรงสมอง อาจโตจนอุดกั้นทางเดินน้ำหล่อสมองไขสันหลัง (cerebrospinal fluid) เกิดภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง (มีอาการปวดศีรษะรุนแรง อาเจียน เดินเซ เป็นลม) และภาวะโพรงสมองคั่งน้ำ (hydrocephalus)
    ถ้าหากความดันในกะโหลกศีรษะสูงขึ้นอย่างเฉียบพลัน ก็จะทำให้เกิดการเลื่อนไหลของสมอง ทำให้เกิดอาการแขนขาเป็นอัมพาต หมดสติ และอาจเสียชีวิตแบบกะทันหันได้

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากการซักถามอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และทำการตรวจร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางระบบประสาทและสมอง อาจตรวจพบอาการแขนขาชาหรืออ่อนแรง ความผิดปกติเกี่ยวกับการมองเห็น การได้ยิน การทรงตัว ความคิด อารมณ์ บุคลิกภาพ เป็นต้น

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจพิเศษ เช่น เอกซเรย์กะโหลกศีรษะ ถ่ายภาพสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ตรวจเพตสแกน (PET scan) ตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง ตรวจเลือดและปัสสาวะ (ดูการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนต่าง ๆ) ตรวจชิ้นเนื้อสมองเพื่อพิสูจน์ชนิดของเซลล์เนื้องอก

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะทำการรักษาด้วยการผ่าตัดเอาก้อนเนื้องอกออกไป ยกเว้นเนื้องอกที่อยู่ในตำแหน่งที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ หรือเป็นมะเร็งที่ลุกลามมากแล้ว ก็อาจจะต้องรักษาด้วยวิธีอื่นแทน เช่น การผ่าตัดด้วยรังสี (radiosurgery) หรือมีดแกมมา (gamma knife)

ในรายที่เป็นมะเร็ง (เช่น medulloblastoma, malignant gliomas) อาจต้องรักษาด้วยรังสีบำบัด (ฉายรังสี) ซึ่งอาจใช้เดี่ยว ๆ หรือร่วมกับการผ่าตัด และบางกรณีอาจต้องรักษาด้วยเคมีบำบัด และ/หรือการใช้ยาแบบจำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง (targeted therapy drug)

ในรายที่มีภาวะอุดกั้นทางเดินน้ำหล่อสมองไขสันหลัง อาจต้องทำการผ่าตัดใส่ท่อระบายน้ำหล่อสมองไขสันหลัง (shunt operation)

ผลการรักษา ขึ้นกับชนิด ตำแหน่ง และขนาดของเนื้องอก อายุ และสภาพของผู้ป่วย

ถ้าเป็นเนื้องอกชนิดไม่ร้ายขนาดเล็กและอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เป็นอันตราย เช่น เนื้องอกประสาทหู เนื้องอกเยื่อหุ้มสมอง (meningioma) เป็นต้น การรักษาก็มักจะได้ผลดีหรือหายขาด

แต่ถ้าเป็นมะเร็งที่ลุกลามเร็ว (เช่น glioblastoma multiforme) หรือมะเร็งที่แพร่กระจายมาจากที่อื่นก็มักจะให้การรักษาแบบประทัง เพื่อลดความทุกข์ทรมาน ซึ่งส่วนใหญ่มักจะมีชีวิตอยู่ได้ระยะหนึ่ง

หลังการรักษาด้วยการผ่าตัด ในบางรายอาจมีรอยแผลเป็นในสมอง ทำให้เกิดอาการชักแบบโรคลมชักได้ ซึ่งแพทย์จะให้ยากันชักกินควบคุมอาการ

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น ปวดศีรษะเวลาตื่นนอนตอนเช้าและตอนสายทุเลาเอง เป็นประจำทุกวันนานเกิน 1 สัปดาห์ หรือมีอาการปวดศีรษะเรื้อรังร่วมกับอาการผิดปกติอื่น ๆ (เช่น ตาพร่ามัว เห็นภาพซ้อน ลานสายตาแคบ ตาเหล่ ตากระตุก หูอื้อ บ้านหมุน เดินเซ มือเท้าทำงานไม่ถนัด แขนขาชาหรืออ่อนแรง ชัก อ่อนเพลียมาก ประจำเดือนผิดปกติ) ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นเนื้องอกสมอง ควรดูแลรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ) ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด

การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากโรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด

ควรป้องกันไม่ให้โรคลุกลาม โดยการไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาแต่เนิ่น ๆ เมื่อสังเกตว่ามีอาการที่น่าสงสัย

ข้อแนะนำ

1. เนื้องอกสมองอาจพบในเด็กหรือคนอายุน้อยได้ ผู้ป่วยไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ถ้ามีอาการสงสัยว่าจะเป็นเนื้องอกสมอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีอาการปวดศีรษะรุนแรงและถี่ขึ้นทุกวัน หรือปวดตอนเช้ามืดทุกวันนานเกิน 1 สัปดาห์ หรือปวดศีรษะเรื้อรังเป็นสัปดาห์ ๆ หรือเป็นเดือน ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ หรือมีอาการของโรคลมชักที่เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรกในคนอายุมากกว่า 25 ปี หรือมีอาการผิดปกติทางระบบประสาทและสมอง บุคลิกภาพ พฤติกรรม และอารมณ์ ควรรีบไปพบแพทย์

2. ในปัจจุบันเนื้องอกสมองส่วนใหญ่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง บางคนเชื่อว่ารังสีไมโครเวฟ หรือคลื่นโทรศัพท์ อาจทำให้เป็นเนื้องอกสมอง ในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานยืนยันในเรื่องนี้แต่อย่างใด

3. โรคนี้บางครั้งมีอาการปวดศีรษะและคลื่นไส้อาเจียนตอนเช้า ๆ หากผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์มีอาการดังกล่าวและมีอาการขาดประจำเดือนร่วมด้วย อาจทำให้เข้าใจว่าเป็นอาการแพ้ท้อง ควรทำการตรวจปัสสาวะทดสอบการตั้งครรภ์ หากมีผลเป็นลบ และอาการดังกล่าวยังไม่ทุเลา ก็ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุให้แน่ชัดแต่เนิ่น ๆ

4. หากตรวจพบว่าเป็นเนื้องอกสมองชนิดไม่ร้าย การได้รับการรักษาแต่เนิ่น ๆ มักหายขาดได้เป็นปกติ แต่ถ้าหากตรวจพบว่าเป็นเนื้องอกสมองชนิดร้าย (มะเร็ง) ก็ควรทำการรักษาและปฏิบัติตัวตามที่แพทย์แนะนำ และเรียนรู้วิธีดูแลตนเองให้ดี (ดูเพิ่มเติมในหัวข้อ "การดูแลตนเอง" ในโรคมะเร็ง)

3
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


4
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


5
สูตรหมี่คลุกไก่ฉีก สร้างอาชีพเสริม มีรายได้เพิ่ม รสชาติอร่อย

หมี่คลุกไก่ฉีกเป็นเมนูที่ทำง่าย อร่อย และได้รับความนิยมอย่างมาก เหมาะสำหรับการทำขายสร้างรายได้เสริม ต่อไปนี้เป็นสูตรและเคล็ดลับในการทำหมี่คลุกไก่ฉีกให้อร่อยและขายดี:

ส่วนผสม:

เส้นหมี่ขาว 200 กรัม
อกไก่ต้มสุกฉีกเป็นเส้น 200 กรัม
กระเทียมเจียว 2 ช้อนโต๊ะ
ผักกาดหอม หรือผักสดตามชอบ
น้ำปรุงรส (สูตรด้านล่าง)
น้ำพริกกากหมู (ถ้ามี)
ส่วนผสมน้ำปรุงรส:

น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำต้มไก่ 3 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยป่น (ตามชอบ)

วิธีทำ:

เตรียมเส้นหมี่:
แช่เส้นหมี่ในน้ำจนนิ่ม
นำไปลวกในน้ำเดือดจนสุก ตักขึ้นสะเด็ดน้ำ
คลุกเคล้าเส้นหมี่กับน้ำมันกระเทียมเจียว เพื่อไม่ให้เส้นติดกัน

ทำน้ำปรุงรส:
ผสมน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ น้ำส้มสายชู น้ำต้มไก่ และพริกไทยป่น คนให้เข้ากัน

คลุกหมี่:
นำเส้นหมี่ที่ลวกไว้มาคลุกเคล้ากับน้ำปรุงรสให้เข้ากัน
ใส่ไก่ฉีกและผักสดลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน
โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียวและน้ำพริกกากหมู (ถ้ามี)

จัดเสิร์ฟ:
ตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ

เคล็ดลับความอร่อย:

เส้นหมี่: เลือกใช้เส้นหมี่ขาวที่เหนียวนุ่ม
ไก่: ใช้อกไก่ต้มสุกฉีกเป็นเส้น จะทำให้ได้เนื้อไก่ที่นุ่มและไม่แห้ง
น้ำปรุงรส: ปรุงรสน้ำปรุงรสให้เข้มข้น เปรี้ยว เค็ม หวาน เผ็ด กลมกล่อม
ผัก: ใส่ผักสดตามชอบ เช่น ผักกาดหอม ถั่วงอก หรือแตงกวา
กระเทียมเจียว: เจียวกระเทียมให้เหลืองกรอบ จะช่วยเพิ่มความหอมให้กับหมี่คลุก
น้ำพริกกากหมู: เพิ่มน้ำพริกกากหมู จะช่วยเพิ่มรสชาติและความอร่อยให้กับหมี่คลุก

เคล็ดลับทำขาย:

เตรียมวัตถุดิบไว้ล่วงหน้า เช่น ต้มไก่ ฉีกไก่ และเจียวกระเทียม
จัดเตรียมภาชนะให้พร้อม เช่น กล่องโฟม หรือกล่องพลาสติก
กำหนดราคาขายที่เหมาะสมกับต้นทุนและกลุ่มลูกค้า
โปรโมทผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น Facebook, Line, หรือ Instagram
รักษาความสะอาดของวัตถุดิบ อุปกรณ์ และสถานที่ทำอาหาร
เพิ่มตัวเลือก เช่น หมี่คลุกไก่ฉีกรสจัดจ้าน, หมี่คลุกไก่ฉีกใส่ไข่ต้ม

ช่องทางการขาย:

ตลาดนัด
ร้านอาหารตามสั่ง
เดลิเวอรี่
งานออกร้าน

ด้วยสูตรและเคล็ดลับเหล่านี้ คุณสามารถสร้างอาชีพเสริมด้วยหมี่คลุกไก่ฉีกได้อย่างแน่นอน

6
หมอประจำบ้าน: ปวดกล้ามเนื้อหลัง (Back strain / Musculotendinous strain)

โรคปวดกล้ามเนื้อหลัง เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดของอาการปวดหลัง พบได้ตั้งแต่วัยหนุ่มสาวเป็นต้นไป

เป็นภาวะที่ไม่มีอันตรายร้ายแรง และมักจะหายได้เองใน 1-2 สัปดาห์ แต่อาจเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรังได้

สาเหตุ

มักเกิดจากการทำงานก้ม ๆ เงย ๆ ยกของหนัก เล่นกีฬา นั่ง ยืน นอน ก้มตัวลงหยิบของ หรือยกของในท่าที่ไม่ถูกต้อง ใส่รองเท้าส้นสูงมากเกินไป หรือนอนที่นอนนุ่มเกินไป ทำให้เกิดแรงกดตรงกล้ามเนื้อสันหลังส่วนล่าง กล้ามเนื้อบริเวณนั้นมีอาการแข็งและเกร็งตัว ทำให้เกิดอาการปวดตรงกลางหลังส่วนล่าง

คนที่อ้วน หรือหญิงที่กำลังตั้งครรภ์ ก็อาจมีอาการปวดหลังได้เช่นกัน

อาการ

ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดตรงกลางหลังส่วนล่าง (ตรงบริเวณกระเบนเหน็บ) ซึ่งอาจเกิดขึ้นฉับพลัน หรือค่อยเป็นทีละน้อย อาการปวดอาจเป็นอยู่ตลอดเวลาหรือปวดเฉพาะในท่าบางท่า (เช่น การก้มตัว การบิดตัวเอี้ยวตัว) การไอ จาม อาจทำให้รู้สึกปวดมากขึ้น

โดยทั่วไปผู้ป่วยจะแข็งแรงดี แขนขาขยับได้เป็นปกติ ไม่มีอาการปวดร้าวลงไปที่ขาและไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย


ภาวะแทรกซ้อน

มักไม่มีภาวะแทรกซ้อนอะไร นอกจากทำให้ปวดทรมาน เคลื่อนไหวไม่สะดวก ทำงานลำบาก

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการเป็นหลัก

มักตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร

บางรายอาจพบอาการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อหลัง และเมื่อกดกล้ามเนื้อบริเวณนั้นจะรู้สึกเจ็บ

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. แนะนำให้ผู้ป่วยสังเกตว่ามีสาเหตุจากอะไร แล้วแก้ไขเสีย เช่น ถ้าปวดหลังตอนตื่นนอน ก็อาจเกิดจากที่นอนนุ่มไปหรือนอนเตียงสปริง ก็แก้ไขโดยนอนบนที่แข็งและเรียบแทน

ถ้าปวดหลังตอนเย็น ก็มักจะเกิดจากการนั่งตัวงอตัวเอียง หรือใส่รองเท้าส้นสูง ก็พยายามนั่งให้ถูกท่า หรือเปลี่ยนเป็นรองเท้าธรรมดาแทน

ถ้าอ้วนไป ควรพยายามลดน้ำหนัก

2. ถ้ามีอาการปวดมาก ให้นอนหงายบนพื้น แล้วใช้เท้าพาดบนเก้าอี้ให้เข่างอเป็นมุมฉากสักครู่หนึ่งก็อาจทุเลาได้ หรือจะใช้ยาหม่องหรือน้ำมันระกำทานวด หรือใช้น้ำอุ่นจัด ๆ ประคบก็ได้

ถ้าไม่หายก็ให้ยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล, กลุ่มยาต้านอักเสบที่ไมใช่สเตียรอยด์ (เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนก นาโพรเซน)

ผู้ป่วยควรนอนที่นอนแข็ง และหมั่นฝึกกายบริหารให้กล้ามเนื้อหลังแข็งแรง

3. ถ้าเป็นเรื้อรัง หรือมีอาการปวดร้าวลงมาที่ขาหรือชาที่ขา ขาไม่มีแรง หรือน้ำหนักลด อาจเกิดจากสาเหตุอื่น อาจต้องเอกซเรย์และ/หรือตรวจพิเศษอื่น ๆ และให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ (ตรวจอาการปวดหลัง)

ในกรณีที่มีอาการปวดหลังเรื้อรัง โดยตรวจไม่พบสาเหตุชัดเจน อาจมีสาเหตุจากภาวะวิตกกังวล ความเครียดหรือซึมเศร้า ถ้าผู้ป่วยมีประวัติอาการทางด้านจิตใจและอารมณ์ ก็จะให้การรักษาภาวะเหล่านี้ร่วมด้วย (ดู "โรควิตกกังวล/โรคกังวลทั่วไป" หรือ "โรคอารมณ์แปรปรวน/โรคซึมเศร้า" เพิ่มเติม)

การดูแลตนเอง

ถ้ามีอาการปวดยอกกล้ามเนื้อหลังเวลาบิดเอี้ยวตัว ก้มตัว หรือหลังตื่นนอน โดยไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    ถ้ามีอาการปวดมาก หรือขยับตัวทำให้กล้ามเนื้อหลังเกร็งตัวและปวด ควรนอนพักในท่านอนหงายบนที่นอนแข็งตลอดเวลา เวลาลุกนั่งกินอาหารและเดินเข้าห้องน้ำควรมีคนช่วยพยุงจนกว่าอาการจะทุเลา
    บริหารกล้ามเนื้อหลัง เช่น นอนหงายบนพื้น แล้วใช้เท้าพาดบนเก้าอี้ให้เข่างอเป็นมุมฉาก (ดู "ท่าบริหารขณะมีอาการปวดหลัง" ในหัวข้อ "การรักษาโดยแพทย์" ด้านบน)
    ใช้น้ำอุ่นจัด ๆ ประคบ
    ใช้ยาหม่องหรือน้ำมันระกำทานวด     
    ถ้าปวดมากกินยาแก้ปวด-พาราเซตามอล*


ควรปรึกษาแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการปวดร้าวแบบเสียว ๆ หรือชา ๆ มาที่ขา 1-2 ข้าง
    ขาอ่อนแรง หรือเดินลำบาก
    มีไข้ หนาวสั่น ปัสสาวะขุ่นหรือเป็นสีแดง หรือน้ำหนักลด
    ปวดหลังรุนแรง หรือมีอาการปวดตลอดเวลาจนขยับตัวไม่ได้
    ดูแลตนเอง 2-3 วันแล้วไม่ทุเลา หรือเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย
    มีประวัติการแพ้ยา เป็นสตรีที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร หรือผู้มีโรคตับ โรคไต หรือโรคประจำตัวอื่น ๆ ที่มีการใช้ยา หรือแพทย์นัดติดตามการรักษาอยู่เป็นประจำ
    กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ
    มีความวิตกกังวลหรือไม่มั่นใจที่จะดูแลตนเอง

*เพื่อความปลอดภัย ควรขอคำแนะนำวิธีและขนาดยาที่ใช้ ผลข้างเคียงของยา และข้อควรระวังในการใช้ยา จากแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะการใช้ยาในเด็ก สตรีที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวหรือมีการใช้ยาบางชนิดที่แพทย์สั่งใช้อยู่เป็นประจำ

การป้องกัน

1. ระวังรักษาอิริยาบถ (ท่านอน ท่านั่ง ท่ายืน ท่ายกของ) ให้ถูกต้อง

2. หมั่นออกกำลังกล้ามเนื้อหลังเป็นประจำ (ดู "ท่าบริหารเพื่อป้องกันอาการปวดหลัง" ในหัวข้อ "การรักษาโดยแพทย์" ด้านบน)

3. ออกกำลังกายเป็นประจำ และบริหารร่างกายก่อนและหลังออกกำลังกาย

4. หลีกเลี่ยงการนอนบนที่นอนนุ่มเกินไป

5. หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าส้นสูงมากเกินไป 

6. ลดน้ำหนักถ้าน้ำหนักเกินหรืออ้วน

ข้อแนะนำ

1. อาการปวดยอกกล้ามเนื้อหลังแบบนี้เป็นสิ่งที่พบได้บ่อยในคนทั่วไป ทั้งในหมู่คนที่ใช้แรงงาน ยกหรือแบกของหนัก และในหมู่คนที่ทำงานนั่งโต๊ะนาน ๆ หรือมีการเคลื่อนไหวในอิริยาบถที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งบางคนอาจเข้าใจผิดว่าเป็นอาการของโรคไต โรคกษัย และซื้อยาชุด ยาแก้กษัย หรือยาแก้โรคไตกินอย่างผิด ๆ ซึ่งบางครั้งอาจทำให้เกิดโทษได้

โดยทั่วไปอาการปวดหลังเนื่องจากกล้ามเนื้อมักจะปวดตรงกลางหลัง (บริเวณกระเบนเหน็บ) ส่วนโรคไตมักจะปวดที่สีข้าง (มักเป็นเพียงข้างเดียว) และอาจมีไข้สูง หนาวสั่น หรือปัสสาวะขุ่นหรือแดงร่วมด้วย

2. ผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลัง หากสังเกตว่ามีอาการปวดร้าวลงมาที่ขาแบบเสียว ๆ ชา ๆ ข้างหนึ่งข้างใดหรือทั้งสองข้าง ควรปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเป็นอาการปวดตามประสาทขาเนื่องจากรากประสาทถูกกด

3. ผู้ที่มีอายุ 10-30 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ชาย หากมีอาการปวดหลังเรื้อรังทุกวันนานเกิน 3 เดือน ควรปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเป็นโรคข้อสันหลังอักเสบเรื้อรัง มากกว่าอาการปวดกล้ามเนื้อหลังหรือปวดยอกหลัง

7
ท่อลมร้อน (expansion joint) กับวงการอุตสาหกรรมไทย

ท่อลมร้อน ( expansion joint )
ความร้อน คือ
ความร้อนคือพลังงานในรูปแบบหนึ่งที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ โดยที่อุณหภูมิสูงจะถ่ายทอดไปที่อุณหภูมิต่ำได้ เมื่อเกิดเป็นพลังงานความร้อนขึ้นมาก็จะมีการเคลื่อนที่ของสสารจากระบบหนึ่งไปยังอีกระบบหนึ่ง โดยความร้อนสามารถถ่ายเทระหว่างวัตถุได้ 3 วิธีคือ การแผ่รังสีความร้อน (heat radiation) การนำความร้อน (heat conduction) และการพาความร้อน (heat convection) ความร้อนเป็นพลังงานส่วนใหญ่ที่นำมาใช้ประโยชน์กันมากที่สุดทั้งในแวดวงอุตสาหกรรม ด้านสาธารณูปโภค ด้านการวิจัยและพัฒนา ด้านการศึกษาและด้านการแพทย์และชีวอนามัย เป็นต้น

ท่อลม เป็นอย่างไร
ท่อลมทำหน้าที่ส่งลมในระบบดูดหรืออัดอากาศของโรงงานอุตสาหกรรม ห้างสรรพสินค้า ส่วนใหญ่มีรูปร่างทรงกระบอกหรือสี่เหลี่ยม แต่ในบางครั้งอาจจะมีทรงแปลกๆด้วยอย่างเช่น ท่อลมทรงสี่เหลี่ยมคางหมู ท่อลมทรงกรวยตัด

ท่อลมร้อน สำคัญอย่างไร
ท่อลมร้อนมีความสำคัญตรงที่ช่วยป้องกันปัญหาการบิดตัว การยืดและหดตัวของโลหะหรือท่อเมื่อเกิดความร้อนสะสมเนื่องจากลมร้อนที่วิ่งผ่านด้านในท่อ ช่วยลดการสั่นสะเทือนของแนวท่อที่มีลมวิ่งอยู่ภายใน อีกทั้งช่วยลดเสียงดังภายในบริเวณที่ท่อแต่ละด้านมีการเยื้องศูนย์กัน นอกจากนี้ยังมีส่วนสำคัญในการลดการสึกหรอของระบบท่อลมหรือท่อไอเสียในโรงงาน

คุณภาพของ expansion joint ขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง
คุณภาพของ expansion joint จะขึ้นอยู่กับวัสดุและส่วนประกอบต่างๆที่นำมาขึ้นรูปหรือผลิตเป็น expansion joint ซึ่งการเลือกวัสดุก็ต้องพิจารณาจากเงื่อนไขการใช้งานเป็นสำคัญ เช่น ต้องทนกรด ต้องทนอุณหภูมิสูง ต้องทนฝุ่นคม ต้องทนต่อแสงแดดและสารเคมี ต้องมีความสามารถในการทนแรงเสียดสี เพราะหากออกแบบหรือเลือกวัสดุไม่ถูกต้อง จะทำให้ expansion joint มีอายุการใช้งานสั้นหรือใช้ไม่ได้ไปเลยก็มี

expansion joints มีกี่ประเภท
โดยทั่วไปจะแบ่ง expansion joints ออกเป็น 3 ประเภทตามวัสดุที่นำมาผลิตได้แก่ 1) metal expansion joints มักจะทำด้วยเหล็กกล้าสแตนเลส 304 316 และ 410 2) rubber expansion joints ขึ้นรูปด้วยยางแบบต่างๆตามคุณสมบัติการใช้งานที่หน้างานต้องการ 3) fabric expansion joints ผลิตจากผ้าทนความร้อน มีทั้งแบบประกอบด้วยฉนวนและแบบที่เป็นผ้าล้วนๆ

fabric expansion joint สำคัญอย่างไรต่ออุตสาหกรรมบ้านเรา
เนื่องจากแทบทุกโรงงานจะมีระบบส่งลม ระบบดูดอากาศ ระบบลำเลียงไอน้ำหรือก๊าซนำไปใช้งานยังจุดต่างๆ เราจึงพบเห็นได้ว่าทุกไลน์ท่อจะมี fabric expansion joint ติดตั้งอยู่มากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับรอยต่อของท่อแต่ละแนวว่ามีจุดตัดมากน้อยแค่ไหน สำหรับ fabric expansion joint ที่ออกแบบได้ถูกต้องตามเงื่อนไขและภาวการณ์ใช้งานจริง จะมีอายุการใช้งานจริงที่คุ้มค่ากับการลงทุน ทำให้ไม่ต้องเปลี่ยน expansion joint บ่อย ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในงบซ่อมบำรุงไปได้มาก หากโรงงานใดมีแนวท่อที่เยื้องศูนย์กันแต่ไม่มี fabric expansion joint มาช่วยลดการสั่นสะเทือน ก็จะทำให้เกิดทั้งเสียงดังและความสึกหรอตามมา เนื่องจากมีความความร้อนสะสมเกิดขึ้นทำให้โลหะเกิดการขยายตัว

วัสดุท่อลมร้อน ที่นำมาใช้ ที่สำคัญได้แก่
วัสดุท่อลมร้อนที่นำมาใช้มีมากมายหลายแบบตั้งแต่ เหล็ก เหล็กกล้าไร้สนิม ยางสังเคราะห์ วัสดุจำพวกพลาสติคอุตสาหกรรม เช่น เทฟล่อน วัสดุคอมโพสิท รวมไปถึงผ้าทนความร้อนหรือผ้าใบแบบต่างๆ

เปรียบเทียบการเลือกใช้ผ้าประเภทต่างๆสำหรับงาน Fabric Expansion Joints หรือท่อลมร้อน

อุณหภูมิ (°C)                      วัสดุ                                        ข้อดี                                            การนำไปใช้งาน
40-120    Vinyl-100 Neoprene-100    ทนต่อแรงดึงได้สูง ทนต่อแสงยูวีและสภาพแวดล้อมได้ดี    ท่อลมอุณหภูมิห้องทั่วไป ท่อลมร้อนแรงดันต่ำ ไม่มีฝุ่นคม
120-260    TG430/9KK-G2 Red, Gray, Blue    ไม่เป็นเชื้อรา ทนต่อแสงยูวีและสารเคมีที่เป็นด่าง    ท่อลมร้อนอุณหภูมิปานกลาง ท่อลมร้อนที่ต้องกันน้ำและด่าง
260-315    TG430/9KK-PTFE Gray, Black    ทนต่อฝุ่นคมได้ดีมาก เหมาะกับงานที่ต้องเจอกรดและน้ำมัน    ท่อลมร้อนที่มีฝุ่นคมปนอยู่ภายใน ท่อลมร้อนที่ต้องทนแรงกระชาก
315-550    G-TEC Ultra 650D non V4A    ทนต่อการเสียดสีได้ดีมาก อายุการใช้งานนานกว่าผ้าใยแก้วทั่วไป    ท่อลมร้อนที่มีการเสียดสี ท่อลมร้อนที่ต้องทนแรงดึงสูง
550-800    G-TEC Ultra 780 V4A reinforced    ทนอุณหภูมิสูงได้ดี ทนต่อฝุ่นคมและการเสียดสีได้ดีมาก    ท่อลมร้อนสำหรับฝุ่นถ่านหิน ท่อลมร้อนที่มีขี้เถ้าไฟปนอยู่
800-1000    HS1250AR-Alufix    ทนอุณหภูมิได้สูงสุด ทนแสงยูวี กันน้ำและสารเคมีรวมถึงไอกรด    ท่อลมร้อนสำหรับโรงไฟฟ้า ท่อลมร้อนที่มีกรดกัดแก้วปนอยู่

สิ่งสำคัญในการ ติดตั้งท่อลมร้อน ที่สำคัญคือ

การติดตั้งท่อลมร้อนต้องให้ความสำคัญกับระบบยึดเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งท่อลมร้อนที่มีหรือไม่มีหน้าแปลน หากติดตั้งแล้วมีระยะห่างหรือท่อลมร้อนไม่แนบสนิทกับผิวท่อหรือหรือหน้าแปลนจริงๆ จะทำให้มีลมร้อนหรือฝุ่นควันรั่วซึมออกมา การติดตั้งท่อลมร้อนไม่ใช่เรื่องยุ่งยากสำหรับผู้มีประสบการณ์หรือความชำนาญ แต่ต้องการความรอบคอบและความละเอียดในการตรวจสอบภายหลังการติดตั้งเรียบร้อยแล้ว ว่ามีจุดใดตำแหน่งใดที่ไม่แนบสนิทหรือไม่ลงตัว อันอาจจะส่งผลทำให้หน้าแปลนรั่วซึมหรือขาดได้หลังจากใช้งานจริง อย่าลืมว่า

สิ่งที่ต้องคำนึงถึง เมื่อต้องเลือกใช้ท่อลมร้อน (Design of Fabric Expansion Joints)

• หน้าแปลนหรือช่วงรอยต่อต้องไม่เกิดการรั่วซึมของลมร้อนเมื่อมีการใช้งาน
• ต้องเผื่อขนาดให้พอดีไม่หลวมหรือแน่นเกินไป เพราะจะทำให้เกิดการชำรุดเร็วขึ้น
• เงื่อนไขการใช้งาน ราคาวัสดุ ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและอายุการใช้งานต้องสัมพันธ์กัน
• การรับประกันจากผู้ผลิต ในเรื่องของการทนต่อการกัดกร่อนของกรดหรือด่าง และฝุ่นคม (ถ้ามี)
• บริการหลังการขายจากผู้ผลิตหรือผู้แทนจำหน่าย ภายหลังจากการติดตั้งท่อลมร้อนและใช้งานไปแล้ว

ราคา ท่อลมร้อน ทำไมถึงแตกต่างกัน
ราคาท่อลมร้อนแตกต่างกันตั้งแต่หลักพันบาทไปจนถึงหลักล้านบาท เพราะวัสดุและส่วนประกอบต่างๆที่นำมาผลิตเป็นท่อลมร้อนนั้นๆ ถูกเลือกใช้ด้วยเงื่อนไขการใช้งานและการรับประกันที่ต่างกันเป็นหลัก

อายุการใช้งาน ท่อลมร้อน ขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง
อายุการใช้งานของท่อลมร้อนขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ สภาพความเป็นกรดหรือด่างของฝุ่นร้อนในท่อและสภาพอากาศด้านนอก ศูนย์ของปลายท่อแต่ละด้านที่ท่อลมร้อนติดตั้งอยู่ การสั่นสะเทือนของแนวท่อ และพื้นที่การติดตั้งเช่นอยู่ในอาคารไม่โดนแดดและฝนหรือว่าอยู่ภายนอกอาคารที่ต้องเจอกับสภาพอากาศตามฤดูกาล เป็นต้น กรณีศึกษาจากประสบการณ์เรื่องท่อลมร้อนของทาง นิวเทค อินซูเลชั่น มีดังนี้

– เลือกอุณหภูมิได้ถูกแต่ท่อลมร้อนชำรุด อุณหภูมิลมอยู่ประมาณ 250 C วัสดุที่ออกแบบสามารถทนได้ถึง 400 C แต่เมื่อใช้งานไปประมาณ 2 สัปดาห์พบว่ามีรอยขาดเป็นแนวยาวรอบท่อลมร้อน (ทรงกระบอก) เมื่อเข้าไปหาสาเหตุหน้างานพบว่า มีการออกแบบความสูง (ยาว) ของท่อลมมาสั้นหรือตึงเกินไป เมื่อนำไปติดตั้งตรงจุดที่อยู่ติดกับพัดลม (blower) ที่มีแรงกระชากและการสั่นสะเทือนสูง ทำให้ท่อลมเกิดการฉีกขาดทันทีที่ระบบทำงาน วิธีแก้คือต้องใช้ผ้าที่มีความต้านทานแรงดึงสูงสำหรับงานแบบนี้

– ท่อลมร้อนฉีกขาดจากฝุ่นคมภายในท่อ ลูกค้าแจ้งอุณหภูมิและออกแบบขนาดของท่อลมร้อนได้ถูกต้อง แต่ลืมแจ้งว่ามีฝุ่นคมอย่างถ่านหรือทรายวิ่งผ่านด้วยความเร็วภายในท่อ ทำให้เมื่อติดตั้งท่อลมร้อนและใช้งานไปประมาณ 3 เดือน ฝุ่นคมที่อยู่ภายในก็เริ่มบาดเฉือนเนื้อท่อลมให้มีรอยปริและเกิดการฉีกขาดในที่สุด วิธีแก้ปัญหาคือต้องเลือกใช้วัสดุที่มีผิวแกร่ง ต้านทานของมีคมและการเสียดสีได้ดี สำหรับท่อลมร้อนที่ต้องใช้กับงานประเภทนี้

– ท่อลมร้อนมีการรั่วซึมตามแนวหน้าแปลน ขนาดของท่อลมถูกต้อง วัสดุถูกต้อง แต่มีลมร้อนซึมออกมาจากบริเวณท่อลมร้อน ตรวจสอบแล้วพบว่าเกิดข้อผิดพลาดจากการติดตั้ง เนื่องจากปลายทั้งสองด้านของท่อลมร้อนไม่แนบสนิทที่ถูกรัดด้วยแคล้มป์ ไม่แนบสนิทกับผิวท่อ วิธีแก้ปัญหาคือติดตั้งด้วยความระมัดระวังและตรวจสอบดูให้แน่ใจว่าไม่มีการขยับ หรือช่องว่างในแนวหน้าแปลน ที่สำคัญคือต้องมีปะเก็นหรือซีลในการติดตั้งระหว่างท่อกับหน้าแปลนของท่อลมร้อน

8
บริการด้านอาหาร: อาหารบำรุงกระดูก ชะลอข้อเข่าเสื่อม!

การมีสุขภาพที่ดี เริ่มต้นด้วยพฤติกรรมการรับประทานอาหาร และอาหารที่เรารับประทานเข้าไปในแต่ละวัน อาหารบางชนิด ดีต่อโรคบางโรคเพราะจะช่วยทำให้บรรเทาความรุนแรงของโรคได้ เนื่องจากสารอาหารที่เข้าไปมีปฏิกิริยาในร่างกาย ทำให้อาการเจ็บป่วยอาจจะดีขึ้นได้ นอกจากนี้ อาหารที่เรารับประทานอาหารบางครั้งก็เป็นสาเหตุของการเกิดโรคได้เช่นเดียวกัน หากเรารับประทานในปริมาณที่มากกว่าความต้องการของร่างกาย เพราะฉะนั้น การรับประทานอาหารที่ถูกต้องหรือตามปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกาย หรือเลือกรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ จึงเป็นพฤติกรรมเบื้องต้นของการมีสุขภพที่ดี ยิ่งอายุมากขึ้น ใครเคยสังเกตบ้างว่า ร่างกายในหลายๆด้านจะมีความเปลี่ยนแปลงมากขึ้น

เราจะมีความต้องการพลังงานลดลง เพราะมีมวลกล้ามเนื้อและกระดูกที่ลดลงตามอายุ ดังนั้น การดูแลสุขภาพด้วยการรับประทานอาหารจึงเป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึงอย่างมาก จำเป็นที่ต้องจะให้ความสำคัญนเรื่องของการรับประทานอาหาร โดยเฉพาะวัยผู้สูงอายุ นอกเหนือจากกล้ามเนื้อและอวัยวะระบบรับรู้ต่าง ๆ กระดูก ก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญของร่างกายที่ควรได้รับการดูแลรักษา การเสริมสร้างกระดูกให้มีความแข็งแรงอยู่ตลอดเวลาจึงเป็นสิ่งที่ควรทำ ดังนั้นวันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องของอาหารที่ช่วยบำรุงกระดูก ช่วยชะลอข้อเข่าเสื่อมในผู้สูงอายุได้เป็นอย่างดี

หากนึกถึงอาหารที่ช่วยในเรื่องของกระดูก หลายคนนึกถึงนม เราทุกคนล้วนคุ้นชินกับการดื่มนมมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นนมแม่ นมวัว หรือนมตัวเลือกต่าง ๆ ในปัจจุบัน เช่น นมถั่วเหลือง หรือ นมอัลมอนด์ โดยนม หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่มีนมเป็นส่วนประกอบมักอุดมไปด้วยสารอาหารประเภทแคลเซียม รวมถึงมีโปรตีน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการบำรุงสุขภาพกระดูก ในปัจจุบันมีการเติมสารอาหารที่ร่างกายต้องการเพิ่มมากขึ้นลงไปในนม เราจึงเห็นนมสูตรเพิ่มวิตามินดีหรือแร่ธาตุอื่น ๆ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับเรานั่นเอง


นอกจากนี้ เต้าหู้หรือนมถั่วเหลือง ล้วนเป็นผลผลิตของถั่วเหลืองที่มีโปรตีนอยู่ปริมาณมาก แต่แค่โปรตีนอาจไม่เพียงพอ นมถั่วเหลืองพร้อมดื่มจึงมีการเพิ่มเติมวิตามินดี แคลเซียม และสารอาหารอื่น ๆ ลงไป ซึ่งสามารถนำมารับประทานแทนนมสำหรับผู้ที่ไม่ชอบดื่มนมได้อีกด้วย ต่อมาคือ เนื้อสัตว์อย่างปลา ที่มีกรดไขมันจำเป็น โดยปลาที่มีกรดไขมันจำเป็นแหล่งวิตามินดี ที่มีส่วนช่วยในการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย โดยเฉพาะปลาที่หาซื้อได้ง่าย เช่น ปลาทู ปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า ปลาแซลมอน เป็นต้น ยิ่งไปกว่านั้นกรดไขมันจำเป็นอย่างกรดไขมันโอเมก้า 3 ยังมีส่วนช่วยในกระบวนการสร้างกระดูกและป้องกันการสูญเสียมวลกระดูกอีกด้วย

ต่อมา อาหารประเภทผักใบสีเขียวเข้ม ที่อุดมไปด้วยแคลเซียม ไม่ว่าจะเป็นคะน้า บร็อคโคลี่ ผักกะเฉด ใบยอ ใบชะพลู อีกทั้งยังมีวิตามินเค ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุนด้วย ซึ่งผักแต่ละชนิดจะให้แคลเซียมในปริมาณที่มากน้อยต่างกันไป เราควรคำนึงถึงชนิดของผักและปริมาณในการรับประทานที่พอเหมาะร่วมด้วย เช่น ใบยอและใบชะพลูไม่ควรรับประทานในปริมาณมากจนเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดนิ่วในไตหรือในกระเพาะปัสสาวะได้ และสุดท้ายคือ ไข่ เชื่อว่า หลายคนคุ้นเคยกับการรับประทานไข่ในเมนูต่าง ๆ เป็นอย่างดี

แต่รู้หรือไม่ว่าไข่แดง 1 ฟองนั้น มีวิตามินดีถึง 40 IU โดยประมาณ ส่วนไข่ขาวจะอุดมไปด้วยโปรตีนที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน สามารถรับประทานไข่วันละ 1 ฟอง หากต้องการรับประทานมากขึ้น ควรพิจารณาอาหารชนิดอื่น ๆ ที่รับประทานร่วมกันในวันนั้นด้วย เนื่องจากไขมันบางประเภทอาจส่งผลต่อสุขภาพได้ อย่างไรก็ตาม การรับประทานอาหารแต่ละชนิด แม้ว่าจะมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่เราจะต้องรับประทานอย่างเหมาะสม เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อร่างกาย ถ้าหากรับประทานมากจนเกินไป อาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้


ดังนั้น เราควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ในปริมาณที่เหมาะสมต่อร่างกาย และจะต้องรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ทางเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี ซึ่งเน้นย้ำมาตลอดให้ทุกคนเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และที่สำคัญควรจะหมั่นออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ เพื่อให้เรามีสุขภาพร่างกายที่ดี และห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บด้วย

9
หมอออนไลน์: ตับ ม้าม หรือไตฉีกขาด

คำว่า "ตับ ม้าม หรือไตฉีกขาด" หมายถึงภาวะที่อวัยวะภายในช่องท้องเหล่านี้ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง จนเกิดการฉีกขาดของเนื้อเยื่อ ทำให้มีเลือดออกภายในช่องท้อง ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่อันตรายถึงชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

อวัยวะเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำงานของร่างกาย:

ตับ (Liver): เป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในช่องท้อง ทำหน้าที่หลายอย่าง เช่น กำจัดสารพิษ สร้างน้ำดี สร้างโปรตีนที่จำเป็นต่อร่างกาย และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

ม้าม (Spleen): เป็นอวัยวะในระบบภูมิคุ้มกันที่อยู่ใต้ซี่โครงซ้าย ทำหน้าที่กรองเลือด กำจัดเซลล์เม็ดเลือดแดงที่หมดอายุ และสร้างภูมิคุ้มกัน

ไต (Kidneys): มี 2 ข้าง อยู่บริเวณบั้นเอว ทำหน้าที่กรองของเสียออกจากเลือด สร้างปัสสาวะ ควบคุมสมดุลน้ำและเกลือแร่ และผลิตฮอร์โมนบางชนิด

สาเหตุหลักของการฉีกขาด
การฉีกขาดของตับ ม้าม หรือไตมักเกิดจาก การบาดเจ็บรุนแรงที่ช่องท้อง (Abdominal Trauma) ซึ่งอาจเป็น:

การบาดเจ็บแบบทื่อ (Blunt Trauma): เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด เช่น

อุบัติเหตุทางรถยนต์ (ถูกกระแทกที่หน้าท้อง หรือการกระแทกกับพวงมาลัย/เข็มขัดนิรภัย)

การหกล้มจากที่สูง

การถูกชก ต่อย หรือเตะที่หน้าท้องอย่างรุนแรง

อุบัติเหตุจากการเล่นกีฬา

การบาดเจ็บแบบทะลุ (Penetrating Trauma): เช่น

ถูกแทงด้วยมีด

ถูกยิง

อาการที่อาจพบ
อาการจะแตกต่างกันไปตามอวัยวะที่บาดเจ็บและปริมาณเลือดที่ออก แต่โดยทั่วไปมักมีอาการที่บ่งชี้ถึงภาวะเลือดออกภายในช่องท้องและภาวะช็อก:

อาการปวด: ปวดท้องอย่างรุนแรงในบริเวณที่อวัยวะบาดเจ็บ (เช่น ปวดท้องส่วนบนด้านขวาหากตับฉีกขาด, ปวดท้องส่วนบนด้านซ้ายหากม้ามฉีกขาด, ปวดหลังหรือข้างลำตัวหากไตฉีกขาด) อาการปวดอาจร้าวไปที่ไหล่ (โดยเฉพาะไหล่ซ้ายหากม้ามฉีกขาด)

กดเจ็บ: กดแล้วรู้สึกเจ็บบริเวณช่องท้อง

ท้องแข็งตึง: หรือท้องโป่งพองผิดปกติ (เนื่องจากมีเลือดออกในช่องท้อง)


อาการของภาวะเสียเลือด/ภาวะช็อก:

หน้าซีด ตัวเย็น เหงื่อออกมาก

หัวใจเต้นเร็ว

ความดันโลหิตต่ำ

หายใจเร็ว ตื้น

อ่อนเพลียมาก มึนงง วิงเวียนศีรษะ

กระหายน้ำรุนแรง

ปัสสาวะออกน้อยลง หรือไม่มีปัสสาวะ

ในกรณีไตฉีกขาดรุนแรง อาจพบ ปัสสาวะเป็นเลือด (Hematuria)

คลื่นไส้ อาเจียน


การวินิจฉัย
เมื่อผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาล แพทย์จะทำการวินิจฉัยอย่างรวดเร็วเพื่อประเมินความรุนแรงและตำแหน่งของการบาดเจ็บ:

การตรวจร่างกาย: ตรวจดูบาดแผล ประเมินอาการปวด และภาวะของช่องท้อง

การตรวจเลือด: เพื่อดูค่าความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC) โดยเฉพาะระดับฮีโมโกลบินและฮีมาโตคริต (บ่งชี้การเสียเลือด), การทำงานของตับ/ไต, และการแข็งตัวของเลือด


การตรวจภาพวินิจฉัย:

อัลตราซาวด์ช่องท้อง (FAST Scan): เป็นการตรวจที่รวดเร็ว เพื่อหาการมีเลือดหรือของเหลวในช่องท้อง

เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) ช่องท้อง: เป็นการตรวจที่ละเอียดที่สุด เพื่อระบุตำแหน่งและความรุนแรงของการฉีกขาด ปริมาณเลือดที่ออก และความเสียหายของอวัยวะอื่นๆ

เอกซเรย์ช่องท้อง/ทรวงอก: อาจทำเพื่อดูการบาดเจ็บอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้น

การเจาะท้องล้าง (Diagnostic Peritoneal Lavage - DPL): ในกรณีฉุกเฉินที่ไม่มี CT scan อาจทำเพื่อดูว่ามีเลือดออกในช่องท้องหรือไม่


การรักษา

เป้าหมายหลักของการรักษาคือการหยุดเลือด รักษาภาวะช็อก และแก้ไขความเสียหายของอวัยวะ การรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการบาดเจ็บ:

การให้สารน้ำและเลือด: ผู้ป่วยมักได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำอย่างรวดเร็ว และอาจให้เลือดทดแทนเพื่อรักษาภาวะช็อก

การสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด (Conservative Management):

ในกรณีที่การฉีกขาดไม่รุนแรงมาก และเลือดหยุดได้เอง หรือมีการเสียเลือดไม่มาก แพทย์อาจเลือกที่จะสังเกตอาการผู้ป่วยในห้อง ICU อย่างใกล้ชิด โดยมีการตรวจเลือดและ CT scan ซ้ำเป็นระยะ เพื่อดูว่ามีเลือดออกเพิ่มหรือไม่ วิธีนี้มักใช้ได้ดีกับตับและม้ามที่ฉีกขาดไม่มากนัก


การรักษาด้วยหัตถการสอดสายสวน (Angioembolization):

เป็นวิธีที่ใช้รังสีร่วมรักษา โดยแพทย์จะสอดสายสวนเข้าไปในหลอดเลือดแดงที่เลี้ยงอวัยวะที่บาดเจ็บ และฉีดสารที่ทำให้ลิ่มเลือดอุดตันบริเวณที่มีเลือดออก เพื่อหยุดเลือด วิธีนี้มักใช้ในกรณีที่เลือดออกยังไม่มาก แต่ไม่หยุดเอง และสามารถทำได้โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่


การผ่าตัด (Surgery):

เป็นวิธีที่จำเป็นในกรณีที่มีเลือดออกมาก ไม่สามารถควบคุมเลือดได้ด้วยวิธีอื่น หรืออวัยวะฉีกขาดรุนแรง

การผ่าตัดตับ (Liver Repair/Resection): เย็บซ่อมแซมส่วนที่ฉีกขาด หรือตัดส่วนที่เสียหายรุนแรงออก

การผ่าตัดม้าม (Splenectomy/Splenic Repair): ในอดีตมักจะตัดม้ามออกทั้งหมด (Splenectomy) แต่ปัจจุบันแพทย์พยายามที่จะซ่อมแซมม้าม (Splenic Repair) หรือตัดออกเพียงบางส่วน เพื่อรักษาส่วนที่เหลือไว้ เนื่องจากม้ามมีบทบาทสำคัญในระบบภูมิคุ้มกัน

การผ่าตัดไต (Kidney Repair/Nephrectomy): เย็บซ่อมแซมไต หรือในกรณีที่เสียหายรุนแรงมากและไม่สามารถรักษาได้ อาจจำเป็นต้องตัดไตข้างนั้นออก (Nephrectomy)


ภาวะแทรกซ้อน

หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ภาวะฉีกขาดของอวัยวะเหล่านี้สามารถนำไปสู่:

ภาวะช็อกจากการเสียเลือด (Hemorrhagic Shock): เป็นอันตรายถึงชีวิต

การติดเชื้อ: เช่น การติดเชื้อในช่องท้อง (Peritonitis) หรือฝีในช่องท้อง

อวัยวะล้มเหลว: หากอวัยวะสำคัญเสียหายรุนแรง

ภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด: เช่น เลือดออกซ้ำ การติดเชื้อ

การบาดเจ็บของอวัยวะภายในช่องท้อง ไม่ว่าจะเป็นตับ ม้าม หรือไตฉีกขาด ล้วนเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการดูแลจากทีมแพทย์อย่างเร่งด่วนที่สุด หากคุณหรือคนใกล้ชิดประสบอุบัติเหตุรุนแรงที่ช่องท้อง และมีอาการผิดปกติ ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลทันทีค่ะ

10
เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ฟังก์ชั่นครบครัน เป็นของตกแต่งบ้าน พร้อมใช้ประโยชน์ได้จริง

การเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มี ฟังก์ชันครบครัน และสามารถใช้เป็นของตกแต่งบ้านได้ในเวลาเดียวกัน ถือเป็นหัวใจสำคัญของการตกแต่งในยุคปัจจุบันเลยค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับบ้านหรือคอนโดที่มีพื้นที่จำกัด เฟอร์นิเจอร์ประเภทนี้ไม่เพียงช่วยประหยัดพื้นที่ แต่ยังทำให้บ้านดูเป็นระเบียบและน่าอยู่ยิ่งขึ้นอีกด้วย ลองมาดูไอเดียเฟอร์นิเจอร์ที่ตอบโจทย์ทั้งความสวยงามและประโยชน์ใช้สอยกันค่ะ

1. โซฟาเบด (Sofa Bed)

ฟังก์ชัน: เป็นได้ทั้งโซฟานั่งเล่นในเวลากลางวัน และปรับเปลี่ยนเป็นเตียงนอนสำหรับแขกหรือเป็นเตียงเสริมในเวลากลางคืนได้อย่างง่ายดาย

ทำไมถึงน่าสนใจ: เหมาะสำหรับห้องนั่งเล่นขนาดเล็ก สตูดิโอคอนโด หรือบ้านที่มีแขกมาเยี่ยมบ่อยๆ ช่วยประหยัดพื้นที่ห้องนอนแขกไปได้เลย

เคล็ดลับการเลือก: เลือกดีไซน์ที่เข้ากับสไตล์ห้อง มีกลไกการปรับเปลี่ยนที่ใช้งานง่าย และมีฟูกนอนที่หนานุ่มพอสำหรับการนอนพักผ่อน


2. โต๊ะกลาง/โต๊ะข้างพร้อมฟังก์ชันจัดเก็บ (Coffee Table/Side Table with Storage)

ฟังก์ชัน: เป็นโต๊ะสำหรับวางของ ใช้เป็นพื้นที่ทานอาหารว่าง และมีช่องเก็บของ ลิ้นชัก หรือช่องลับสำหรับเก็บรีโมท หนังสือ นิตยสาร หรือของใช้กระจุกกระจิกอื่นๆ

ทำไมถึงน่าสนใจ: ช่วยให้พื้นที่นั่งเล่นดูเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีของวางเกะกะบนโต๊ะ ช่วยซ่อนความวุ่นวายได้อย่างแนบเนียน

เคล็ดลับการเลือก: เลือกขนาดที่เหมาะสมกับโซฟาและพื้นที่ เลือกวัสดุที่ทนทานและทำความสะอาดง่าย เช่น ไม้ โลหะ หรือกระจก


3. เตียงนอนพร้อมลิ้นชัก/ช่องเก็บของ (Storage Bed)

ฟังก์ชัน: เป็นเตียงนอนที่ด้านใต้มีลิ้นชักขนาดใหญ่หลายช่อง หรือมีกลไกที่สามารถยกฐานเตียงขึ้นเพื่อเผยช่องเก็บของขนาดใหญ่ได้

ทำไมถึงน่าสนใจ: เพิ่มพื้นที่จัดเก็บในห้องนอนได้อย่างมหาศาล โดยเฉพาะของที่ไม่ค่อยได้ใช้บ่อย เช่น ผ้าปูที่นอนสำรอง ผ้าห่ม เสื้อผ้าตามฤดู หรือกระเป๋าเดินทาง ทำให้ห้องนอนดูกว้างขวางขึ้น

เคล็ดลับการเลือก: ตรวจสอบกลไกการเปิด-ปิดว่าแข็งแรงและใช้งานสะดวกหรือไม่ และเลือกวัสดุเตียงที่เข้ากับสไตล์ห้อง


4. ตู้เก็บของแบบโมดูลาร์ (Modular Storage Units)

ฟังก์ชัน: เป็นตู้หรือชั้นวางที่สามารถปรับเปลี่ยน จัดเรียง หรือเพิ่มส่วนต่อเติมได้ตามความต้องการและขนาดพื้นที่

ทำไมถึงน่าสนใจ: มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับให้เข้ากับพื้นที่ต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น ห้องนอน หรือโฮมออฟฟิศ สามารถทำหน้าที่เป็นชั้นวางหนังสือ ตู้โชว์ หรือแม้กระทั่งเป็นฉากกั้นห้องแบบโปร่ง

เคล็ดลับการเลือก: เลือกดีไซน์ที่เรียบง่าย สีพื้น เพื่อให้ง่ายต่อการปรับเปลี่ยนและเข้ากับการตกแต่งได้หลากหลาย


5. โต๊ะพับได้/โต๊ะขยายได้ (Folding/Extendable Table)

ฟังก์ชัน: เป็นโต๊ะขนาดเล็กที่สามารถพับเก็บ หรือขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้นได้เมื่อต้องการใช้งานมากขึ้น เช่น จากโต๊ะทำงานคนเดียวเป็นโต๊ะประชุมเล็กๆ หรือจากโต๊ะทานอาหาร 2 ที่นั่งเป็น 4 ที่นั่ง

ทำไมถึงน่าสนใจ: เหมาะสำหรับพื้นที่จำกัดที่ต้องการความยืดหยุ่นในการใช้งาน ช่วยให้บ้านมีพื้นที่เอนกประสงค์มากขึ้น

เคล็ดลับการเลือก: ตรวจสอบกลไกการพับ/ขยายว่าแข็งแรง ทนทาน และใช้งานง่าย


6. สตูล/ออตโตมันพร้อมช่องเก็บของ (Storage Ottoman/Stool)

ฟังก์ชัน: เป็นที่นั่งเสริม ที่พักเท้า หรือโต๊ะวางของชิ้นเล็กๆ และยังเป็นกล่องเก็บของขนาดกำลังดีสำหรับผ้าห่ม หมอนอิง หนังสือ หรือของเล่นเด็ก

ทำไมถึงน่าสนใจ: เป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเล็กที่ใช้งานได้หลากหลาย คล่องตัว และช่วยเพิ่มพื้นที่จัดเก็บในห้องนั่งเล่นหรือห้องนอนได้อย่างดีเยี่ยม

เคล็ดลับการเลือก: เลือกวัสดุและสีที่เข้ากับโซฟาหรือเฟอร์นิเจอร์หลักในห้อง


7. ชั้นวางของแบบแขวนผนัง/ลอยตัว (Wall-Mounted/Floating Shelves)

ฟังก์ชัน: เป็นพื้นที่สำหรับวางหนังสือ ของตกแต่ง หรือของใช้จำเป็น โดยไม่ต้องวางบนพื้น

ทำไมถึงน่าสนใจ: ช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยในแนวตั้ง ทำให้ห้องดูโปร่ง โล่งสบาย และยังใช้เป็นของตกแต่งที่ช่วยสร้างมิติให้กับผนังได้

เคล็ดลับการเลือก: เลือกวัสดุและดีไซน์ที่เข้ากับภาพรวมของห้อง ติดตั้งให้มั่นคงแข็งแรง

การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีฟังก์ชันครบครันจะช่วยให้บ้านของคุณไม่เพียงแต่สวยงาม แต่ยังเป็นระเบียบเรียบร้อย และใช้ประโยชน์จากทุกพื้นที่ได้อย่างเต็มที่ค่ะ หวังว่าไอเดียเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการแต่งบ้านของคุณนะคะ!


11
จัดฟันบางนา: ข้อเสียของสะพานฟัน

ปัญหาฟันผุ เป็นปัญหาที่หลายคนอาจจะเคยพบเจอ ซึ่งเกิดจากการรักษาความสะอาดของสุขภาพช่องปากและฟันที่ไม่ดี โดยฟันผุนั้น คือการที่ผิวฟันเกิดเป็นจุดหรือรูโหว่ ซึ่งอาจจะเกิดได้จากหลายสาเหตุ ยกตัวอย่างเช่น คราบแบคทีเรียภายในช่องปาก หรือการที่ดื่มน้ำหวาน น้ำอัดลม รับประทานขนมขบเคี้ยวเป็นประจำ แล้วไม่รักษาความสะอาดของช่องปากแลฟันให้ดี และถ้าหากปล่อยทิ้งไว้ โดยไม่ได้รับการรักษา อาการจะลามลึกลงไปถึงรากฟัน สร้างความเจ็บปวด เสี่ยงต่อการติดเชื้อและการเสียฟันซี่นั้นตลอดไป เรื่องของฟันผุ จึงเป็นปัญหาที่ควรให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่าอาการเจ็บป่วยอื่น ๆ ในร่างกาย ซึ่งเป็นปัญหาที่ค่อนข้างรุนแรงที่เราไม่ควรจะมองข้าม ถ้าหากเราสูญเสียฟันธรรมชาติไป ก็จะสามารถแก้ไขได้ยาก


แต่ก็ไม่ถึงกับไม่มีการรักษา เพราะการสูญเสียฟัน สามารถแก้ไขได้ด้วยการเข้ารับการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่งหรือที่เรียกว่า การทำสะพานฟัน ซึ่งสะพานฟันนั้น เป็นการทำฟันปลอมชนิดติดแน่นอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งสะพานฟันจะอาศัยฟันธรรมชาติซี่ข้างเคียงเป็นหลักในการยึดติด ไม่สามารถถอดเข้าออกด้วยตัวเองได้ ต้องทำโดยทันตแพทย์เท่านั้น  การทำสะพานฟันจะทำในกรณีที่ฟันถูกถอนไป แต่ยังเหลือฟันธรรมชาติซี่ข้างเคียงที่แข็งแรงสามารถเป็นหลักยึดสะพานฟันได้ โดยจะช่วยทำให้ผู้เข้ารับการรักษา กลับมามีรอยยิ้มที่สวยงาม รู้สึกมั่นใจ ทั้งยังสามารถบดเคี้ยวอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่สูญเสียฟันไป ให้กลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้เหมือนเดิม

แต่การทำสะพานฟัน ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องศึกษารายละเอียด วิธีการดูแลรักษาความสะอาด รวมไปถึงขั้นตอนการรักษาให้ละเอียดเสียก่อน รวมไปถึงศึกษาข้อดีและข้อเสียว่า การทำสะพานฟันนั้น จะส่งผลกระทบต่อเราอย่างไร ภายหลังจากที่เข้ารับการรักษาด้วยการทำสะพานฟัน ครั้งที่แล้วทางคลินิกเราได้พูดถึงข้อดีของการทำสะพานเพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจสำหรับผู้ที่มีความต้องการจะทำสะพานฟัน และวันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดข้อเสียกันบ้างว่า การทำสะพานฟันมีความเสี่ยงอย่างไรบ้าง รวมถึงข้อจำกัดต่างๆด้วย

สำหรับข้อเสียในการทำสะพานฟันนั้น ก็คือ อย่างแรกเลยคือจะมีค่าใช้จ่ายในการรักษาค่อนข้างสูง เนื่องจากการแก้ไขปัญหาการทดแทนฟันธรรมชาติ ด้วยการทำสะพานฟันเป็นการทำฟันปลอมชนิดติดแน่น จึงมีราคาแพงกว่าฟันปลอมทั่วไปที่สามารถถอดออกได้ และการติดสะพานฟันอาจส่งผลกระทบต่อฟันซี่ที่อยู่ข้างๆ ได้ เพราะฉะนั้น ก่อนการรักษาจะต้องปรึกษาทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญก่อนที่จะทำการรักษา จะต้องมั่นใจว่ามีฟันบริเวณข้างเคียงที่แข็งแรง สามารถยึดติดสะพานฟันได้ ที่สำคัญมากที่สุดคือ ผู้เข้ารับการรักษาอาจต้องเอาใจใส่ในการทำความสะอาดช่องปากและฟันมากขึ้น เพื่อที่จะได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีและป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดโรคฟันผุได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับข้อจำกัดในเรื่องของการเข้ารับการรักษาด้วยการทำสะพานฟัน ก็จะสามารถทำได้ในผู้ที่ไม่มีปัญหาสุขภาพช่องปาก หากมีปัญหาเช่น โรคเหงือก จะไม่สามารถทำสะพานฟันได้ จนกว่าจะได้รับการรักษาโรคเหงือกให้หายเป็นปกติเสียก่อน นอกจากนี้ การทำสะพานฟัน มีความจำเป็นที่จะต้องกรอเนื้อฟันซี่ข้างเคียงออก เพื่อทำเป็นหลักยึดติดให้แก้สะพานฟัน  ทำให้สูญเสียเนื้อฟันซี่ที่ดีออกไป และสะพานฟันจะทำความสะอาดยากกว่าฟันธรรมชาติ เนื่องจากส่วนที่เป็น ลอยอยู่บนเหงือก จึงต้องใช้อุปกรณ์ช่วยในการทำความสะอาด เช่น การใช้ไหมขัดฟัน จะเพิ่มขึ้นตอนในการทำความสะอาดฟันมากกว่าปกติ และถ้าหากผู้เข้ารับการรักษาดูแลรักษาความสะอาดของสุขภาพช่องปากและฟันไม่ดี ก็อาจจะทำให้เกิดกลิ่นปากได้ กรณีผู้ที่สูญเสียฟันไป แต่ไม่อยากเข่ารับการรักษาด้วยการทำสะพานฟัน สามารถเลือกวิธีการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมทดแทนได้

ซึ่งทางคลินิกของเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของรากฟันเทียม หากสนใจสามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ ทั้งนี้ทางคลินิกเรายังมีโปรโมชั่นพิเศษ สำหรับผู้ที่ต้องการจะแก้ไขปัญหาฟัน โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 39,900 บาท จากราคาปกติ 50,000 บาท เพื่อที่จะให้ผู้ที่มีปัญหาฟันได้กลับมามีฟันที่สวยง่ามเป็นธรรมชาติได้อีกครั้ง

12
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


13
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


14
รถยนต์ไฟฟ้า DEEPAL E07 รถเอสยูวีไฟฟ้าที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ เปิดตัวด้วย 2 รุ่นย่อยกับราคาแนะนำเริ่มต้นที่ 1.599 ล้านบาท

ฉางอาน ออโต้ เซลส์ (ประเทศไทย) สร้างปรากฏการณ์ที่ The 41st Thailand International Motor Expo 2024 ด้วยการเปิดตัว DEEPAL E07 ยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่แห่งอนาคตที่มาพร้อมดีไซน์ล้ำยุคและสมรรถนะที่โดดเด่น พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนกลยุทธ์ระดับโลก Vast Ocean Plan ซึ่งช่วยขยายธุรกิจจากภูมิภาคอาเซียนไปยังยุโรป ลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง แอฟริกา โอเชียเนีย และประเทศไทยเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน ตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคต ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก

นายเซิน ซิงหัว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซ้าท์อีส เอเชีย จำกัด กล่าวว่า "ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานในวันนี้ ปีที่ผ่านมาเป็นปีสำคัญของ CHANGAN ในประเทศไทย เราได้เปิดตัวแผนระดับโลก Vast Ocean Plan ซึ่งช่วยขยายธุรกิจจากภูมิภาคอาเซียนไปยังยุโรป ลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง แอฟริกา โอเชียเนีย และประเทศไทย เราภูมิใจในการเฉลิมฉลองครบรอบ 1 ปีของ CHANGAN Thailand โดยในงาน Motor Expo 2023 ที่ผ่านมา เราได้เปิดตัว DEEPAL S07 และ L07 ซึ่งได้รับการตอบรับที่ยอดเยี่ยมจากตลาดไทย สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในด้านนวัตกรรมและความยั่งยืนในอุตสาหกรรมยานยนต์"

CHANGAN ขับเคลื่อนความยั่งยืน ภายใต้กลยุทธ์ Vast Ocean Plan ที่ผ่านมาบริษัทมีการลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาทในประเทศไทย รวมถึงการสร้างโรงงานผลิตยานยนต์พลังงานใหม่ที่ระยอง และการจัดตั้งหน่วยธุรกิจ 3 หน่วย เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในภูมิภาค ความมุ่งมั่นในด้านความยั่งยืนสะท้อนผ่านการลดการปล่อย CO2 โดยยอดขายยานยนต์พลังงานใหม่ของ CHANGAN ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 10,000 ตัน จนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ CHANGAN ยังร่วมมือกับซัพพลายเออร์ในประเทศไทยกว่า 300 ราย ส่งเสริมการผลิตในประเทศมากกว่า 50% โดยพนักงานกว่า 80% เป็นคนไทย สร้างงานในห่วงโซ่อุปทานกว่า 20,000 ตำแหน่ง และจ่ายภาษีมากกว่า 1,500 ล้านบาท ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของประเทศไทย ในเดือนกันยายน 2024 ที่ผ่านมา CHANGAN ได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญ ด้วยการเปิดตัว AVATR แบรนด์รถ SUV ระดับหรูที่มุ่งเน้นการผสมผสานความสง่างาม นวัตกรรม และความคุ้มค่า โดยรุ่น AVATR 11 ได้รับเสียงชื่นชมจากทั้งผู้บริโภคและสื่อมวลชน ด้วยดีไซน์ที่ล้ำยุค เทคโนโลยีอัจฉริยะ พร้อมด้วยสมรรถนะอันยอดเยี่ยม

สำหรับไฮไลต์ในงานครั้งนี้ DEEPAL ได้เปิดตัว DEEPAL E07 รถ SUV ไฟฟ้าที่ออกแบบเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ สะท้อนแนวคิด BE YOURSELF, DRIVE YOUR WAY ถูกพัฒนาบนแพลตฟอร์มอัจฉริยะ SDA ที่มีความสามารถในการปรับเปลี่ยนและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ที่ต้องการประสบการณ์ที่แตกต่างในสถานการณ์และบทบาทที่หลากหลาย และทำให้รถยนต์เปลี่ยนไปสู่หุ่นยนต์อัจฉริยะที่จะมอบความสะดวกสบายสู่ผู้ใช้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป

ด้วยดีไซน์ภายนอกดีไซน์สุดแกร่ง สไตล์โมเดิร์น ทำให้ตัวรถมีขนาดใหญ่ที่ยาวกว่า 5 เมตร และกว้างเกือบ 2 เมตร แต่ก็มีความสปอร์ตและลู่ลม แต่ก็ยังคงความแข็งแกร่งด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านลมต่ำเพียง 0.237 และจะมากับราวหลังคาอเนกประสงค์, ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 21 นิ้ว พร้อมฝาครอบล้อ, มือจับประตูไฟฟ้าแบบซ่อน, ฝาปิดช่องชาร์จไฟเปิด-ปิดได้แบบไฟฟ้า, ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ Star Ring LED ที่ดูล้ำสมัย, ช่องเก็บสัมภาระใต้ฝากระโปรงหน้าขนาดใหญ่ถึง 131 ลิตรและหลังคากระจกบริเวณท้ายรถ ฝาท้าย และกระจกหลังเปิด-ปิดแบบไฟฟ้า ที่สามารถปรับรูปแบบได้หลากหลายให้เหมาะกับการใช้งาน

ดีไซน์ภายในของ DEEPAL E07 นั้นเปลี่ยนห้องโดยสารให้เป็นห้องต่าง ๆ ได้ตามต้องการ ทั้งห้องนอน ห้องนั่งเล่น และระเบียงด้วยแผงกั้นและกระจกกั้นห้องโดยสารกับท้ายรถแบบเปิด-ปิดได้, ตัวพวงมาลัยสามารถปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง พร้อมปุ่ม Shortcut และ เบาะนั่งแบบ Zero Gravity ในคู่หน้าพร้อมที่ดันหลังและที่รองขาปรับไฟฟ้าพร้อมระบบระบายอากาศ, หลังคากระจกแบบพาโนรามาพร้อมม่านบังแดดไฟฟ้า, Head-up Display ขนาดใหญ่เพื่อแสดงข้อมูลการขับขี่, หน้าจอสัมผัสแบบ Sunflower ขนาด 15.4 นิ้ว สามารถปรับทิศทางเข้าหาคนขับหรือผู้โดยสารด้านหน้าได้ ระบบเสียงอัจฉริยะหลากหลายโหมดพร้อมลำโพง 18 ตำแหน่ง, ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สายขนาด 50 วัตต์ พร้อมระบบระบายอากาศ, ไฟบรรยากาศแบบเปลี่ยนสีได้ 256 สี ที่มาพร้อมฟังก์ชันปรับเปลี่ยนตามจังหวะ, โหมดสถานการณ์ เช่น โหมดแสดงแสงสีเสียง โหมดงีบหลับ โหมดแคมป์ปิ้ง เป็นต้น

DEEPAL E07 ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า ในขณะนี้เปิดตัวมาด้วยกัน 2 รุ่น คือ Plus และ Performance AWD โดยรุ่น Plus นั้นจะขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง ด้วยมอเตอร์ที่ให้กำลัง 342 แรงม้า แรงบิด 365 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งจาก 0 - 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 6.7 วินาที มีระยะทางวิ่งสูงสุด 640 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ส่วนรุ่น Performance AWD นั้นจะขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) ให้กำลัง 598 แรงม้า แรงบิด 645 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่งจาก 0 - 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 3.96 วินาที มีระยะทางวิ่งสูงสุด 590 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ทั้ง 2 รุ่นจะมากับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 89.98 กิโลวัตต์-ชั่วโมง รองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้าแบบ DC สูงสุดในการชาร์จแบบ DC 240 กิโลวัตต์ (30% - 80%) ใน 15 นาที โดยในรุ่น Performance AWD จะได้ช่วงล่างแบบถุงลมและระบบปรับความหนืดช่วงล่างอัจฉริยะมาด้วย

DEEPAL E07 ยังโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะมากมาย อาทิ ระบบช่วยเหลือการขับขี่ ถึง 5 ระบบ ได้แก่ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแปรผันแบบผสมผสาน, ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน, ระบบช่วยเปลี่ยนเลนอัตโนมัติเมื่อเปิดไฟเลี้ยว, ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้สิ่งกีดขวางด้านข้าง และระบบช่วยจอดอัจฉริยะเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบายถึง 4 ระบบ ประกอบด้วย ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ, ระบบช่วยจอดอัตโนมัติจากระยะไกล, ระบบนำรถเข้า-ออกช่องจอดในแนวตรงจากระยะไกล, ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ รวมถึง17 ระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน อาทิ ระบบช่วยเตือนหากเสี่ยงต่อการชนด้านหน้า, ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถที่มุมอับสายตาด้านหน้าและระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถที่มุมอับสายตาด้านหน้า, ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ, ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนขณะฉุกเฉิน, ระบบช่วยเตือนหากเสี่ยงต่อการโดนชนด้านหลัง, ระบบช่วยแจ้งเตือนมุมอับสายตา, ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถที่มุมอับสายตาขณะถอยหลัง, ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถที่มุมอับสายตาขณะถอยหลัง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีระบบเลือกโหมดสถานการณ์เพื่อช่วยปรับพื้นที่ห้องโดยสารพร้อมสร้างบรรยากาศที่เหมาะสม โหมดเฝ้าระวังเพื่อช่วยตรวจจับเหตุการณ์ผิดปกติและบันทึกวิดีโอสภาพแวดล้อมรอบ ๆ เมื่อไม่ได้อยู่ที่รถ เป็นต้น อีกทั้งยังมีพื้นที่ภายในที่สะดวกสบาย เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้าได้ 14 ทิศทางพร้อมฟังก์ชัน Zero Gravity และระบบระบายอากาศ, กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา พร้อมระบบแสดงภาพตัวรถแบบโปร่งแสง

DEEPAL E07 นั้นประกาศราคาออกมาดังนี้
Plus ราคาช่วงแนะนำที่ 1,599,000 บาท จากราคาปกติที่ 1,699,000 บาท
Performance AWD  ราคาช่วงแนะนำที่ 1,999,000 บาท จากราคาปกติที่ 2,099,000 บาท

และยังเปิดจองล่วงหน้าอีก 3 รุ่นย่อยได้แก่
Plus Limited Edition ราคา 1,890,000 - 1,990,000 บาท (เปิดจองล่วงหน้า)
Performance AWD Limited Edition ราคา 2,290,000 - 2,390,000 บาท (เปิดจองล่วงหน้า)
Legacy ราคา 2,990,000 - 3,090,000 บาท (เปิดจองล่วงหน้า)

ข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้ที่จอง DEEPAL E07 มีรายละเอียดดังนี้
สิทธิประโยชน์ สำหรับรถยนต์ DEEPAL E07 รุ่น Plus
แพ็คเกจ DEEPAL Premium Care
ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พรบ. 1 ปี
รับประกันตัวรถ 5 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน ตลอด 24 ชั่วโมง นาน 8 ปี
ฟรี การบำรุงรักษา 6 ปี หรือ 6 ครั้ง ยกเว้น ชิ้นส่วนพิเศษ วัสดุสิ้นเปลือง และชิ้นส่วนที่สึกหรอ
แพ็คเกจ DEEPAL Premium Care Plus
ฟรี โฮมชาร์จเจอร์ พร้อมบริการติดตั้ง
ฟรี สายชาร์จเคลื่อนที่
ฟรี อินเทอร์เน็ต 10 ปี  (ข้อมูลอินเทอร์เน็ตสำหรับระบบ 1 GB  ต่อเดือน  และข้อมูลสำหรับสื่อบันเทิง 1 GB ต่อเดือน )
พิเศษสำหรับผู้ที่จอง 500 ท่านแรก รับราคาเปิดตัวพิเศษ DEEPAL E07 Plus ราคา 1,599,000 บาท พร้อมรับ Special Gift: เลือกรับไลฟ์สไตล์แพ็คเกจ Outdoor Explorer Pack หรือ Bike & Beyond Kit มูลค่า 60,000 บาท
สิทธิประโยชน์ สำหรับรถยนต์ DEEPAL E07 รุ่น Performance AWD
แพ็คเกจ DEEPAL Premium Care
ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พรบ. 1 ปี
รับประกันตัวรถ 5 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน ตลอด 24 ชั่วโมง นาน 8 ปี
ฟรี การบำรุงรักษา 6 ปี หรือ 6 ครั้ง ยกเว้น ชิ้นส่วนพิเศษ วัสดุสิ้นเปลือง และชิ้นส่วนที่สึกหรอ
แพ็คเกจ DEEPAL Premium Care Plus
ฟรี โฮมชาร์จเจอร์ พร้อมบริการติดตั้ง
ฟรี สายชาร์จเคลื่อนที่
ฟรี อินเทอร์เน็ต 10 ปี  (ข้อมูลอินเทอร์เน็ตสำหรับระบบ 1 GB  ต่อเดือน  และข้อมูลสำหรับสื่อบันเทิง 1 GB ต่อเดือน )
รับประกัน 10 ปี หรือ 200,000 กิโลเมตร เฉพาะช่วงล่างแบบถุงลมและระบบปรับความหนืดช่วงล่างอัจฉริยะ
พิเศษสำหรับผู้ที่จอง 500 ท่านแรก รับราคาเปิดตัวพิเศษ DEEPAL E07 Performance AWD ราคา 1,999,000 บาท พร้อมรับ Special Gift: เลือกรับไลฟ์สไตล์แพ็คเกจOutdoor Explorer Pack หรือ Bike & Beyond Kit มูลค่า 60,000 บาท
CHANGAN Automobile มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีและสร้างประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้าในไทยและทั่วโลก เราสัญญาว่าจะเดินหน้าสร้างสรรค์ยานยนต์ที่ไม่เพียงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโลกที่ยั่งยืน

15
หมอออนไลน์: โรคผมร่วงหย่อมไม่ทราบสาเหตุ

ผมร่วงเป็นหย่อมไม่ทราบสาเหตุ หมายถึง อาการผมร่วงซึ่งเกิดขึ้นเฉพาะที่ มีผมแหว่งเป็นหย่อม ๆ ซึ่งไม่มีสาเหตุชัดเจน คือ ตรวจแล้วไม่พบว่ามีสาเหตุใด ๆ (เช่น โรคเชื้อรา ซิฟิลิส การถอนผม รอยแผลเป็น หรือสาเหตุอื่น ๆ)

แต่มีโรคผมร่วงเป็นหย่อมอยู่ชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด เรียกว่า โรคผมร่วงหย่อมไม่ทราบสาเหตุ (alopecia areata) เป็นภาวะที่พบได้เป็นครั้งคราว พบมากในวัยหนุ่มสาว พบน้อยในคนอายุเกิน 45 ปีขึ้นไป ทั้งหญิงและชายมีโอกาสเป็นเท่า ๆ กัน ภาวะเครียดทางจิตใจอาจมีส่วนกระตุ้นให้เกิดอาการได้

สาเหตุ

สันนิษฐานว่าเกิดจากปฏิกิริยาภูมิต้านตนเอง (ออโตอิมมูน) คือ ร่างกายมีการสร้างภูมิต้านทานต่อรูขุมขน (hair follicles) ที่หนังศีรษะทำให้ผมหยุดงอก โดยที่ไม่ทราบชัดว่ามีสาเหตุอะไรที่กระตุ้นให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยาดังกล่าว สันนิษฐานว่าอาจเกี่ยวข้องกับปัจจัยต่าง ๆ เช่น กรรมพันธุ์ สิ่งแวดล้อม ความเครียดทางจิตใจ

บางรายอาจพบร่วมกับโรคอื่น ๆ เช่น ต่อมไทรอยด์อักเสบจากภูมิต้านตนเอง โรคแอดดิสัน โรคด่างขาว โรคภูมิแพ้ (เช่น ลมพิษ ผื่นคัน หวัดจากการแพ้ หืด) เป็นต้น

อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการผมร่วงเฉพาะที่ ทำให้ผมแหว่งหายไปเป็นหย่อม ๆ มีลักษณะกลมหรือรี ขอบเขตชัดเจน ตรงกลางไม่มีเส้นผม แต่จะเห็นรูขน หนังศีรษะในบริเวณนั้นเป็นปกติทุกอย่าง ไม่แดง ไม่เจ็บ ไม่คัน ไม่เป็นเกล็ด หรือเป็นขุย ในระยะแรกจะพบเส้นผมหักโคนเรียงอยู่บริเวณขอบ ๆ บางรายอาจพบเส้นผมสีขาวขึ้นในบริเวณนั้น

ผู้ป่วยอาจมีผมร่วงเพียง 1-2 หย่อม จนถึงมากกว่า 10 หย่อม

ถ้าเป็นมาก อาจลุกลามจนทั่วศีรษะ จนไม่มีเส้นผมเหลืออยู่แล้วแม้แต่เส้นเดียว บางรายอาจมีอาการขนตาและขนคิ้วร่วงร่วมด้วย เรียกว่า ผมร่วงทั่วศีรษะ (alopecia totalis)

ผู้ป่วยส่วนมากจะหายได้เองตามธรรมชาติ แต่อาจกินเวลาเป็นปีกว่าจะหาย (ประมาณร้อยละ 50 ของผู้ป่วยหายภายใน 1 ปี ประมาณ 2 ใน 3 ของผู้ป่วยจะมีผมขึ้นภายใน 5 ปี) บางรายเมื่อหายแล้วอาจกำเริบได้ใหม่ เป็น ๆ หาย ๆ บ่อยครั้ง ประมาณร้อยละ 40 ของผู้ป่วยจะกำเริบซ้ำอีกภายใน 5 ปี หรือไม่อาจมีคนอื่น ๆ ในครอบครัวเป็นโรคนี้ด้วย (โดยที่ไม่ได้เป็นโรคติดต่อแต่อย่างใด)

ในรายที่พบร่วมกับโรคอื่น ๆ (เช่น ต่อมไทรอยด์อักเสบจากภูมิต้านตนเอง โรคแอดดิสัน โรคด่างขาว โรคภูมิแพ้ เป็นต้น) ก็จะมีอาการของโรคเหล่านี้ร่วมด้วย

ภาวะแทรกซ้อน

ส่วนใหญ่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน ยกเว้นในรายที่มีโรคอื่นร่วมด้วย (เช่น ต่อมไทรอยด์อักเสบจากภูมิต้านตนเอง โรคแอดดิสัน โรคด่างขาว โรคภูมิแพ้ เป็นต้น) ก็อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเหล่านี้ตามมาได้

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ สิ่งตรวจพบ และการตรวจพิเศษ เช่น การตรวจเลือด การขูดหรือตัดชิ้นเนื้อของหนังศีรษะไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ เป็นต้น

การรักษาโดยแพทย์

ถ้าเป็นโรคผมร่วงหย่อมไม่ทราบสาเหตุ ก็ให้ใช้ครีมสเตียรอยด์ เช่น ครีมไตรแอมซิโนโลนอะเซโทไนด์ หรือครีมบีตาเมทาโซนชนิด 0.1% หรือทาด้วยขี้ผึ้งแอนทราลิน (anthralin) ชนิด 0.5% วันละครั้ง ถ้าไม่ได้ผลใน 1 เดือน ก็อาจฉีดยาสเตียรอยด์ (เช่น ไตรแอมซิโนโลนอะเซโทไนด์) เข้าใต้หนังในบริเวณที่เป็นทุก 2 สัปดาห์

ในรายที่เป็นรุนแรง (ผมร่วงทั้งศีรษะ) อาจต้องให้เพร็ดนิโซโลนชนิดกิน

ยาเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นให้ผมงอกเร็วขึ้น

การดูแลตนเอง

หากมีอาการผมร่วงเป็นหย่อม ควรปรึกษาแพทย์ และดูแลรักษาตามคำแนะนำของแพทย์

หากต้องการใช้วิธีรักษานอกเหนือจากที่แพทย์แนะนำ ควรปรึกษาแพทย์ให้แน่ใจว่าเป็นวิธีรักษาที่ได้ผลจริง และไม่สิ้นเปลืองเกินจำเป็น

หากมีอาการผมร่วงมาก หรือรู้สึกแลดูน่าเกลียด ให้ใส่ผมปลอม (วิก) จนกว่าจะหายดี

การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากเป็นโรคที่ไม่ทราบสาเหตุ

ข้อแนะนำ

1. โรคนี้อาจมีลักษณะคล้ายโรคเชื้อราที่ศีรษะ ซึ่งสามารถตรวจให้แน่ชัด โดยการขูดเอาขุย ๆ ที่หนังศีรษะไปตรวจ ถ้าเป็นโรคเชื้อรา ก็จะพบเชื้อราที่เป็นต้นเหตุ

2. โรคนี้ไม่ใช่โรคติดต่อ ดังนั้นจึงไม่ต้องวิตกกังวลว่าจะเกิดการแพร่โรคโดยการสัมผัสใกล้ชิด

3. โรคนี้ส่วนใหญ่จะหายได้เองโดยธรรมชาติ แม้ว่าจะไม่ได้ให้การรักษา

การรักษาทางการแพทย์ด้วยการใช้สเตียรอยด์ทาหรือฉีด มีส่วนช่วยให้หายเร็วขึ้น

หน้า: [1] 2 3 ... 49